เปิดร้านกาแฟ

ปี 2023 แล้ว แต่เทรนด์ เปิดร้านกาแฟ ก็ยังคงไม่มีที่ท่าว่าจะซาลงไปเลย มีแต่จะเพิ่มขึ้นทุกวัน ๆ ยิ่งในโลกยุคหลังโควิดที่หลายคนต่างก็โหยหาการออกมาใช้ชีวิตนอกบ้าน บวกกับเทรนด์การทำงานแบบ Work from Anywhere ที่อนุญาตให้พนักงานทำงานได้จากที่ไหนก็ได้ จึงไม่น่าแปลกใจเลยที่ร้านกาแฟจะยังคงเป็นที่ต้องการ แต่ก็ใช่ว่าทุกคนที่เปิดร้านแล้วจะไปได้ดีครั้ง เพราะถึงแม้จะมีกลุ่มเป้าหมายมากมาย แต่ถ้าหากคุณบริหารร้านไม่ดี สุดท้ายอาจจะจบไม่สวยก็เป็นได้ เพื่อป้องกันเหตุการณ์แบบนี้ สโตร์ฮับ ขอเสนอ 5 สิ่งที่ต้องรู้ก่อน เปิดร้านกาแฟ เพื่อให้ได้ยอดขายสุดปังตั้งแต่เปิดร้าน!

#1 ทำความรู้จักกลุ่มลูกค้าเป้าหมายที่ต้องการ

เพราะคำว่าอร่อยของแต่ละคนไม่เหมือนกัน ดังนั้นสิ่งที่คุณควรทำคือตีกรอบกลุ่มเป้าหมายหลักคร่าว ๆ ก่อนว่าเป็นใคร อายุเท่าไหร่ ทำอาชีพอะไร มีรายได้เท่าไหร่ มีความชอบหรือไลฟ์สไตล์แบบไหนบ้าง เพราะสิ่งเหล่านี้จะช่วยให้คุณรู้ว่าคุณควรจะนำเมล็ดกาแฟแบบไหนมาใช้ เมนูที่ควรมีในร้านคืออะไรบ้าง และราคาขายควรจะอยู่ที่เท่าไหร่ รวมถึงถึงทำเลสถานที่ก็มีผลด้วยเช่นกัน ซึ่งทั้งหมดนี้ไม่ใช่ว่าทำแค่ครั้งเดียวแล้วจบ เพราะเมื่อเราได้ข้อมูลตั้งต้นสำหรับการเปิดร้านเรียบร้อยแล้ว แต่คุณก็ยังต้องเก็บข้อมูลลูกค้าอย่างต่อเนื่องเพื่อนำมาวิเคราะห์และพัฒนาแผนธุรกิจต่อไปในอนาคต ซึ่งระบบสโตร์ฮับ POS ก็ถือเป็นตัวช่วยที่ดีเพราะสามารถทำให้คุณเก็บข้อมูลรายละเอียดของลูกค้าได้อย่างครบถ้วนทั้งชื่อ-นามสกุล เบอร์โทร รายการสินค้าขายดี ช่วงเวลาที่ลูกค้าเข้าเยอะ ไปจนถึงสินค้าที่ทำกำไรได้สูงที่สุด ที่สำคัญคือดูง่าย ๆ ผ่านแอปพลิเคชันหรือเว็บไซต์ที่ไหนเมื่อไหร่ก็ได้

เปิดร้านกาแฟ

#2 คุมต้นทุน เพื่อลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น

เพราะในช่วงเริ่มต้นธุรกิจนั้นเป็นช่วงที่คุณจะต้องใช้เงินลงทุนเยอะที่สุด ดังนั้นอะไรที่ประหยัดหรือลดต้นทุนลงได้ก็เป็นสิ่งที่ควรทำอย่างมาก อย่างเช่นการวิเคราะห์สินค้าที่ขายดี/ขายไม่ดี เพื่อปรับลดสต๊อกให้สอดคล้องกับความต้องการของลูกค้า ลดการทิ้งของเสียที่ขายไม่หมด รวมถึงการจำกัดจำนวนพนักงานในร้าน จากที่เคยต้องจ้างรายวันรายเดือนเพื่อมารับออเดอร์ สรุปยอดขาย หรือเช็คสต๊อก ก็อาจจะเปลี่ยนมาใช้ระบบที่ช่วยทุ่นแรงและประหยัดกว่าอย่าง สโตร์ฮับ POS ที่มีฟีเจอร์เสริมอย่าง Beep QR ที่จะเปลี่ยนร้านธรรมดาให้ไฮเท็คมากยิ่งขึ้นด้วยการรับออเดอร์และชำระเงินผ่านคิวอาร์โค้ดที่โต๊ะหรือเคาท์เตอร์ จากนั้นออเดอร์จะเข้าสู่ระบบ Data Base ของร้านและส่งเข้าครัวอัตโนมัติ ทำให้ลดการผิดพลาดและตกหล่นของออเดอร์ไปได้และยังประหยัดได้อีกเยอะเพราะสโตร์ฮับ POS มีค่าใช้จ่ายรายเดือนเริ่มต้นแค่เพียง 1,250 บาทเท่านั้น

#3 วางแผนสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้าแบบครบวงจร

สิ่งหนึ่งที่คุณต้องทำเพื่อต่ออายุให้กับร้านของคุณอย่างไม่มีวันจบนั่นก็คือการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้าที่เคยมาใช้บริการที่ร้าน เพื่อให้เขากลับมาใช้บริการซ้ำจนเป็นลูกค้าประจำและเกิดการบอกต่อไปยังคนอื่น ๆ สิ่งเหล่านี้เราสามารถควบคุมได้ด้วยการทำ CRM หรือ Customer Relationship Management ซึ่งจะเริ่มต้นจากการเก็บข้อมูลลูกค้า เช่น ชื่อ-นามสกุล อายุ เพศ วัน เดือน ปีเกิด เพื่อนำไปทำการตลาดเชิงรุกผ่านพฤติการการซื้อของลูกค้าในระบบ เช่น คุณลินลดาชอบซื้ออเมริกาโน่ ทางร้านก็สามารถทำแคมเปญส่วนลดให้เฉพาะกับคุณลินลดาและคนกลุ่มนี้ได้ผ่าน SMS อัตโนมัติหรือฟีเจอร์ StoreHub Engage ได้ทันที หรือ ใกล้ถึงวันเกิดคุณปวินทร์แล้ว คุณก็สามารถส่ง SMS ส่วนลดเค้กที่คุณปวินทร์ชอบไปได้แบบอัตโนมัติเช่นกัน ทำให้คุณสามารถแยกกลุ่มเป้าหมายของการทำการตลาดได้อย่างชัดเจนมากยิ่งขึ้น ต่างจากการทำการตลาดผ่านโซเชี่ยลมีเดียที่เป็นการสื่อสารในวงกว้างมากกว่านั่นเอง

เปิดร้านกาแฟ

#4 การตลาดที่ดีที่สุดคือการให้เครดิตเงินคืน

รู้หรือไม่ว่า Cashback หรือว่าเครดิตเงินคืนนั้นเป็นสิ่งที่ลูกค้าชอบมากที่สุดในบรรดาการให้รางวัลทางการตลาดทั้งหมด เพราะเสมือนว่าลูกค้าได้เงินคืนกลับมาจริง ๆ และยังเป็นส่วนลดได้ในครั้งถัดไป แถมทางร้านยังมีโอกาสได้ลูกค้าประจำได้ง่ายยิ่งขึ้นเพราะลูกค้าจะเสียดายเครดิตเงินคืนในระบบของทางร้านและตัดสินใจซื้อซ้ำที่ร้านได้ง่ายกว่าเดิม เมื่อคุณแจกเครดิตเงินคืนไปเรื่อย ๆ ลูกค้าก็จะไม่มีทางหายไปไหนแน่นอน โดยทางสโตร์ฮับ POS ของเราก็มีฟีเจอร์เด็ดที่เรียกว่า Beep Cashback ที่จะช่วยมอบเครดิตเงินคืนได้ง่าย ๆ เพียงแค่สแกนคิวอาร์โค้ดท้ายใบเสร็จและกรอกเบอร์โทร เท่านี้ก็สามารถรับเงินคืนได้ทันทีแล้ว ส่วนทางร้านก็สามารถตั้งค่าได้ว่าจะให้เครดิตเงินคืนกี่เปอร์เซ็นและใช้ได้สูงสุดครั้งละกี่บาท ซึ่งปกติแล้วร้านค้ามักจะกำหนดที่ 10% ซึ่งเป็นอัตราที่จูงใจลูกค้าได้ค่อนข้างดี

เปิดร้านกาแฟ

#5 มากกว่ารสชาติแต่คือประสบการณ์

ทั้งหมดทั้งมวลข้างบนนั้นจะไม่มีประโยชน์เลย ถ้าคุณยังไม่สามารถบอกได้ว่าจุดเด่นของร้านคุณคืออะไร อะไรคือสิ่งที่คุณอยากจะนำเสนอกับลูกค้าที่สุด ซึ่งอาจจะสื่อออกมาได้ทั้งในเรื่องของรสชาติ หน้าตา การตกแต่งร้าน รวมไปถึงการบริการ ซึ่งเราเรียกรวม ๆ ว่าการขาย Experience นั่นเอง เพราะคนทั่วไปอาจจะมองว่ากาแฟแบบไหนก็เหมือน ๆ กัน ดังนั้นสิ่งที่คุณจะแตกต่างจากร้านอื่น ๆ อย่างชัดเจนก็คงเป็นการบอกเล่าเรื่องราวและมอบประสบการณ์การดื่มกาแฟผ่านสิ่งต่าง ๆ ในร้านนั่นเอง ถ้าทำได้รับรองว่าอนาคตที่สดใสก็รออยู่ไม่ไกล

สโตร์ฮับรู้ดีว่าการทำธุรกิจไม่ใช่เรื่องง่าย เราจึงพัฒนาระบบที่จะช่วยให้คุณสามารถบริหารจัดการร้านค้าได้อย่างแม่นยำ ง่ายดาย และสะดวกกว่าที่เคย ทำให้คุณมีเวลาเหลือให้คุณไปโฟกัสกับการบริการและมอบประสบการณ์การดื่มกาแฟให้กับลูกค้าได้อย่างเต็มที่

สโตร์ฮับ POS

Share this Post

Hey there! Please enter your store name.

.storehubhq.com